1)ตลาดเงินในระบบ คือ ตลาดที่มีการระดมเงินออม และการให้สินเชื่อระยะสั้น
โดยสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น ธนาคารพาณิชย์
บริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ ธนาคารกลาง
กิจกรรมทางการเงินที่สำคัญของตลาดเงินในระบบคือ การกู้ยืมระหว่างธนาคาร (Inter-Bank
Loan หรือ Call Loan) การกู้โดยตรง
หรือเบิกเกินบัญชีโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การกู้โดยขายตราสารทางการเงิน
ตราสารการค้า ตลอดจนตราสารที่ธนาคารรับรอง
2)ตลาดเงินนอกระบบ คือ ตลาดที่มีการระดมเงินออมและการให้สินเชื่อระยะสั้นโดยไม่มีกฎหมายรองรับสถานภาพของผู้ให้สินเชื่อ
กิจกรรมทางการเงินที่สำคัญได้แก่ การเล่นแชร์ การให้กู้กันเอง เป็นต้น
ประเภทของตลาดการเงิน
ตลาดการเงินจำแนกตามลักษณะของการระดมเงินทุนเป็น 3 ประเภท คือ
ตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดอนุพันธ์
ตลาดเงิน
(Money
market) คือตลาดที่มีการระดมเงินจากประชาชนและการให้สินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน
1 ปี ทั้งแก่ภาครัฐและเอกชน ซึ่งรวมถึงนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
รวมทั้งการซื้อขายหลักทรัพย์ทางการเงินที่มีอายุการไถ่ถอนระยะสั้น เช่น
ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง เป็นต้น
ตลาดเงิน
(money
market) เป็นแหล่งระดมเงินออมระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) แล้วจัดสรรให้กู้ยืมแก่ผู้ต้องการเงินทุน
ตลาดเงินยังอาจแยกออกเป็นตลาดเงินของทางการ และตลาดเงินของเอกชน
ซึ่งตลาดเงินของทางการได้แก่ ตลาดเงินให้กู้ยืมปกติของธนาคารแห่งประเทศไทย
ตลาดซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาล (repurchase market) ส่วนตลาดเงินเอกชนประกอบด้วย
การกู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน และตลาดตราสารการพาณิชย์
สถาบันที่อยู่ในตลาดเงินได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และโรงรับจำนำ
ส่วนตราสารทางการเงินประกอบด้วย ตั๋วสัญญาใช้เงิน (promissory notes) ตั๋วเงินคลัง (treasury bills) เป็นต้น
โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแล
ตลาดเงินในประเทศไทยนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในภาคการเงิน
ทั้งนี้เพราะเป็นแหล่งที่ระดมเงินออมและให้สินเชื่อมากที่สุด
ตลาดทุน
(Capital
market) คือ แหล่งระดมเงินทุนได้โดยผ่านการกู้ยืมจากธนาคารและสถาบันการเงิน
ซึ่งจะระดมเงินทุนจากผู้มีเงินออมในรูปของการรับฝากหรือกู้ยืมเงิน
โดยมีผลตอบแทนเป็นการจูงใจคือดอกเบี้ย
ตลาดทุน
(capital
market) เป็นแหล่งระดมเงินออมระยะยาว (เกินกว่า 1 ปี) เพื่อจัดสรรให้กับผู้ต้องการเงินทุนระยะยาว โดยเฉพาะภาคธุรกิจ
สถาบันที่อยู่ในตลาดทุนได้แก่ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตราสารทางการเงินหรือหลักทรัพย์ในตลาดทุน ประกอบด้วย
หุ้นสามัญ (ordinary shares) หุ้นบุริมสิทธิ (preferred
shares) หุ้นกู้ (debentures) พันธบัตรรัฐบาล
(government bond) หน่วยลงทุนของกองทุนรวม
และใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrants) เป็นต้น
หน่วยงานที่ดูแลตลาดทุนคือคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ตลาดแรก
คือ ตลาดสำหรับหลักทรัพย์ที่ออกใหม่โดยผู้ที่ต้องการเงินทุนและต้องการจะระดมเงินทุนจากผู้ลงทุนโดยตรงด้วยการออกและเสนอขายหลักทรัพย์
ตลาดรอง
คือ ตลาดที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ได้ผ่านการเสนอขายในตลาดแรกมาแล้วคือหมายถึงการเปลี่ยนมือของผู้ถือหุ้นนั้นเอง
ตลาดรองจึงมีความสำคัญต่อกลไกตลาดทุนของเราเป็นอย่างมาก
เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์แล้วยังช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับผู้ลงทุนในตลาดทุนได้อีกด้วย
การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
เป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนระยะยาวสำหรับการออมและสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้การเข้าไปมีส่วนในหลักทรัพย์จะทำให้ผู้ลงทุนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจการและจะได้รับการจ่ายเงินปันผลจากกำไรที่เกิดขึ้นในการทำธุรกิจนั้นทุกๆปี จึงจะเห็นได้ว่าเป็นวิถีทางของการลงทุนโดยตรงกับความสำเร็จ
แต่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็มีความเสี่ยงได้ด้วยเช่นกัน
หากธุรกิจนั้นเจอกับสภาวะไม่เอื้ออำนวย หรือผลประกอบการตกต่ำลง เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้นก็ช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ตลาดอนุพันธ์
(Derivative
Market) เป็นตลาดที่มีการซื้อขายตราสาร
ที่มีมูลค่าผูกพันกับตราสารทางการเงินหรือสินทรัพย์อื่น เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ราคาหุ้น
และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดอนุพันธ์
ไม่ได้มีจุดประสงค์หลักเพื่อระดมเงิน เช่นตลาดเงิน
และตลาดทุนแต่มีไว้เพื่อป้องกันหรือบริหารความเสี่ยง
อันเนื่องจากความผันผวนของระดับราคาสินทรัพย์ต่างๆ ในอนาคต
ดังนั้น
จึงมีการพัฒนาตราสารขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว เช่น สัญญาการแลกเปลี่ยน
(SWOP) ออพชั่น (Option) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward/Future)
โดยประเภทของตราสารในตลาดอนุพันธ์
สามารถแบ่งตามสินทรัพย์ที่อ้างอิงได้ดังนี้
1.ตราสารอนุพันธ์ตลาดเงิน เป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีมูลค่าผูกติดกับสินทรัพย์ทางการเงิน
เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน
2.ตราสารอนุพันธ์หุ้นทุน เป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีมูลค่าผูกติดกับตราสารในตลาดทุน
เช่น หุ้นสามัญ ดัชนีราคาหุ้น
3.ตราสารอนุพันธ์โภคภัณฑ์ เป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีมูลค่าผูกติดกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์
เช่น น้ำมันดิบ ทองแดง อะลูมิเนียม รวมทั้งธัญพืชต่างๆ
เช่นข้าว ถั่วเหลือง น้ำตาลเป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น