คือ
การเคลื่อนย้ายเงินทุนจากผู้ที่มีเงินทุนส่วนเกิน (Surplus
Spending) > ผู้ขาดแคลนเงินทุน (Deficit Spending) โดยที่มีตลาดการเงิน (Financial Markets) และสถาบันการเงิน (Financial Institutions) เป็นช่องทางในการเคลื่อนย้ายไหลผ่านของเงิน
ซึ่งการเคลื่อนย้ายเงินทุนแบ่งได้เป็น
• การเคลื่อนย้ายเงินทุนทางตรง ผ่านทาง
ตลาดเงิน
• การเคลื่อนย้ายเงินทุนทางอ้อม
ผ่านทาง สถาบันการเงิน
ระบบเงินทุนทางตรง เริ่มต้นปัจจัยนําเข้า คือ เงินสดจากผู้มีเงินออมหรือเรียกว่า
ผู้ให้เงินทุนผ่านกระบวนการหรือช่องทางของตลาดการเงิน 3 แบบ ได้แก่ ตลาดตราสารทุน
ตลาด ตราสารหนี้ และตลาดเงิน ได้ผลผลิตหรือผลลัพธ์เป็นเงินสดแก่ผู้ต้องการเงินทุน
ซึ่งก็คือองค์กร ธุรกิจ นั่นเอง ส่วนสิ่งที่ผู้ให้เงินทุนจะได้รับจากตลาดตราสารทุน
คือ หุ้นสามัญ จากตลาด ตราสารหนี้ คือ หุ้นกู้ พันธบัตร ซึ่งเป็นตราสารหนี้และจากตลาดเงิน คือ ตราสารพาณิชย์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินระยะสั้น
เช่น ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นต้นตามลําดับ
ระบบการเงินทางอ้อม
เริ่มต้นจากปัจจัยนําเข้า คือ เงินสดจากผู้มีเงินออม หรือเรียกว่าผู้ให้เงินทุนผ่านกระบวนการหรือตัวกลาง 2 ประเภท ตัวกลางประเภทแรก คือ
ตัวกลางที่มีฐานะ เป็นเจ้าหนี้ของธุรกิจ เช่น ธนาคาร
หรือสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อแก่ธุรกิจ โดยผู้มีเงินออมใช้วิธี ฝากเงินกับธนาคารและธนาคารนําไปให้ธุรกิจกู้ยืมส่วนตัวกลางประเภทที่สอง
คือ ตัวกลางที่มีฐานะเป็นผู้ลงทุน เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
บริษัทกองทุนบําเหน็จ บํานาญ บริษัทประกันภัย เป็นต้น
โดยผู้มีเงินออมลงทุนซื้อหุ้น ซื้อโครงการบําเหน็จบํานาญซื้อโครงการประกันภัยประกันชีวิตต่าง
ๆ ได้ผลผลิตหรือผลลัพธ์เป็นเงินสดแก่ผู้ต้องการเงินทุน ซึ่ง ก็คือ องค์กรธุรกิจนั่นเอง
นอกจากนี้ตัวกลางทั้งสองประเภทอาจนําเงินสดที่ได้จากผู้มีเงินออม
ไปลงทุนในตลาดตราสารทุน ตลาดตราสารหนี้ และตลาดเงินได้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น